Home  Tourist  ThaiTravel    Camera    News    Member    Gallery  

เนื่องจากผมมันคนความรู้น้อย มิบังอาจแนะนำอะไรๆที่เกี่ยวกับ เทคนิคการซื้อ ใช้ หรือ อะไรอีกมากมายดังนั้นเลยนำของเก่ามาเล่าใหม่นะครับ หากท่านใดมีความประสงค์จะแนะนำความรู้หรือเทคนิคใหม่ ๆ แล้วละก็อย่าลืมนำความรู้เหล่านั้นมาแบ่งเพื่อน ๆ อ่านกันบ้างนะครับ
ส่งมาที่ bobo_gun@hotmail.com

การตั้งให้ กล้อง AF ของ Minolta สามารถใช้เลนส์อื่นๆ ได้
ผมมีเลนส์เมาท์เกลียว Takumar Pentax อยู่หลายตัวได้มาจากคุณพ่อ ซึ่งใช้เลนส์นี้กับกล้อง Pentax Spotmatic (1960) กล้อง Spotmatic ก็ฟังไปแล้ว แต่เลนส์ยังดีอยู่ ผมเองมี 505si และ 600si อยู่ จึงหาทางใช้เลนส์เก่ากับกล้อง Minolta ใหม่ให้ได้ ก็ไปได้วิธีการจาก MUG ดังนี้
1. คุณต้องหาซื้อ adapter ที่ผมได้มาเป็น วงแหวนโลหะ ด้านหนึ่งเป็นรูปร่างเหมือน เมาท์ A ของ Minolta ทำให้ใส่กับกล้องเรา ได้พอดี อีกด้านหนึ่งเป็นเกลียว M42 ทำให้ขันเลนส์เก่าเข้าไปได้ กรณีที่เลนส์เป็น T-mount หรือ MD หรือ format อื่นๆก็ต้องไปหาซื้อ adapter ตามนั้นครับ
2. คุณก็ยังกดชัตเตอร์ไม่ลงอยู่ดี เพราะกล้อง Minolta ตั้งแต่รุ่น 7000i ขึ้นมาขณะที่มีฟิลม์ในกล้อง ถ้าไม่มีเลนส์ที่เป็น AF ไป เมาท์ไว้จะมีการล๊อคชัตเตอร์ไว้คุณ ต้องปลดล๊อคนี้โดยการกดปุ่มสองปุ่มพร้อมกันค้างไว้ ขณะเดียวกันก็เลื่อนสวิทซ์ เปิดการทำงานของกล้อง ซึ่งกล้องแต่ละรุ่นนั้น สองปุ่มที่ ต้องกดนี้จะไม่เหมือนกันดังนี้ 3XI, 2XI, SPXI - ต้องให้ช่างบริษัททำให้
5XI - ปุ่ม function กับปุ่ม spot
9xi, 7xi - ปุ่ม function กับ ปุ่ม AEL
300si - ปุ่ม flash กับปุ่ม sxlf timer
400si - ปุ่ม AV กับปุ่ม drive mode
500si - ปุ่ม spot กับปุ่ม drive mode
505si - ปุ่ม spot กับปุ่ม self timer
600si - ปุ่ม lense release กับปุ่ม ISO
700si - ปุ่ม spot กับ ปุ่ม card
800si - ปุ่ม subject program และ ปุ่ม AEL
ถ้าคุณทำถูกต้องก็จะทำให้กดชัตเตอร์ลงได้ และในกล้องรุ่นใหม่ เช่น 505si,600si,800si จะมีคำว่า off ขึ้นมาบนจอ LCD ถ้าคุณอยากให้กลับเป็นล๊อคชัตเตอร์เหมือนเดิมก็แค่ทำตามเดิมอีกครั้ง
3. เมื่อผมใช้เลนส์ Takumar ผมต้องตั้งให้เมื่อเปลี่ยน f-stop ที่เลนส์ diaphram ก็เปลี่ยนขนาดไปตาม (ทำให้เป็น stop down metering) ข้อดีคือเห็น depth of field ตลอดเวลา แต่ถ้ามืดมากก็ focus ให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมา stop down ผมสามารถใช้ mode M และ A ได้ ทำให้สะดวกมาก ทำให้ต่อไปนี้คุณอาจหาเลนส์เก่าๆ ราคาถูกมาใช้ได้มากขึ้น ไม่ต้องถูกจำกัดด้วยเลนส์เมาท์ AF Minolta เพียงอย่างเดียว ขอให้โชคดีครับ


ประสบการถ่ายภาพกลางคืนที่อยากบอก(อาจรู้กันแล้ว)
ภาพกลางคืนบางรูปเวลาถ่ายออกมาแล้วรู้สึกว่าสวยกว่าตาเห็นนะครับ ผมเพิ่งมีโอกาสลองหัดถ่ายภาพกลางคืนเมื่อไม่นาน มานี้เอง โดยใช้สูตรที่ได้อ่านมาจากไหนไม่บอก เขาว่าให้เปิดหน้ากล้องกว้างที่สุด และหรือ shutter speed ต่ำที่สุด เท่าที่กล้อง จะวัดแสงได้ก็ถ่ายได้เลย แต่ถ้ายังถ่ายไม่ได้ก็ให้เพิ่ม ISO ของ film ขึ้นไปอีก(หลอกกล้อง-บาปป่าวก็ไม่รู้)....ขึ้นไปจนกล้องมันวัดแสงได้ แล้วค่อย มาชดเชยแสงกันโดยอาจตั้งค่า f-stop ที่ต้องการ เช่น ถ่ายภาพเจดีย์ที่ประดับไฟซะสวยเชียว.เช่น ถ่ายภาพเจดีย์ที่ ประดับไฟไว้ และกล้องของเราเปิด f กว้างสุด + shutter speed ต่ำสุด กล้องมันยัง วัดแสงบ่ได้(สมมติว่า f/4 30sec) เราก็เพิ่ม ISO จากเดิม สมมติ 100 เพิ่มขึ้น เรื่อยๆๆๆ จนกล้องมันวัดแสงได้เช่น 1600 ทีนี้ก็ทำการชดเชยแสงโดยส่วนใหญ่ก็คงจะกำหนดที่ f คงที่ เช่น f/8 ก็ต้องทดไว้ 2 stop , สำหรับ ISO จาก 1600 มา 100 ก็ต้องทด 4 stop เอาที่เราทดไว้มารวมกันเพื่อจะได้คำนวณเวลาของ shutter speed นั่นคือ 2+4=6 stop.....
เดิม shutter speed เท่ากับ 30sec ---->ทำให้ช้าลงไปอีก 6 stop ก็เท่ากับ 30-->60-->120-->240-->480-->960-->1920second หารด้วย 60sec ทำเป็นนาทีจะได้ประมาณ 32 นาที นั่นคือจะถ่ายรูปเจดีย์นี้(สงสัยมีเทียนปักอยู่เล่มเดียว) ก็ต้อง f/8 + shutter speed 32 นาทีจ้าถึงจะถ่ายเจดีย์นี้ได้ ทีนี้ก็มาถึง ที่อยากจะบอกจริงๆ คือ film เดี๋ยวนี้เขาพัฒนาแล้ว ปกติ film สมัยก่อนเขาบอกว่าถ้า shutter speed เกิน 1 sec ให้ทดขึ้นอีก 1 stop(สำหรับอะไร อะไร failure จำไม่ได้ครับ) ตอนนั้นยังไม่รู้ ก็เสร็จเลย ทดไปอีก 1 stop ภาพออกมาก็เลยสว่างจ้าไม่มีลาย ละเอียดไป ก็อยากบอกแค่นี้ละครับ เผื่อไปอ่าน technique ถ่ายภาพบางเล่มจะได้ไม่เสีย film ไปกับการ over ของภาพ......... MR_EN (any mistake .... forgive me)" • Reciprocity Failure : กฎการแลกเปลี่ยนล้มเหลว ก็คือเวลาเราใช้ ชัตเตอร์ ต่ำกว่า 1/1sec. หรือสูงกว่า 1/1000sec. จะทำ ให้ความไวแสงของฟิล์ม ลดลงจำเป็นต้องชดเชยแสง ตามที่ระบุในกล้องฟิล์มหรือใบแนบ... ในปัจจุบัน ฟิล์มโปรเวียร้อยเอฟ ทำได้ต่ำมากครับ... จนน่าจะลืมเจ้า RF นี้ไปได้แล้ว...สิงหราช


กล้อง+เลนซ์รูเข็มทำเอง!!!
ได้มีโอกาสอ่าน phototech เล่มหนึ่ง(จำ Vol. No.ไม่ได้) เขาพูดถึงการทำเลนซ์ใช้เอง นั้นคือเลนซ์รูเข็ม .....
อุปกรณ์ ก็คงมีกันอยู่แล้ว นั้นคือ ฝาปิด body เข็มหรือโลหะแหลม กระดาษกาว ไม้บรรทัด scale ระเอียดหน่อย ..... อาศัยหลัก การของกล้องรูเข็นที่เคยเรียนสมัยเด็กๆนะครับคงนึกกันออก ....
เริ่มโดยการเจาะฝาตรงกลางให้เป็นรูเล็กๆ(โดยการ เอาเข็มเผาไฟเจาะ) แล้วใช้กระดาษกาวปิดทับลงไป เจาะด้วยเข็มอีกทีให้เล็กๆเข้าไว้(เพราะรูที่เจาะบนฝานั้น อาจไม่ เรียบ และใหญ่ไปทำให้ยิ่งลดความคมชัดของภาพ) ต่อมาก็เอาฝามาต่อกับ body แล้วพยายามวัดว่าจากฝาถึงระนาบ film ยาวกี่ mm เพราะเดี๋ยวจะเอาไปคำนวณ
f-stop ของเลนซ์รูเข็มกัน .... การคำนวณว่าเลนซ็นี้มี f-stop เท่าไหร่ดูจากสูตร f-stop=ทางยาว focus / เส้นผ่านศูนย์กลางของรูที่เจาะ เช่น วัดระยะห่างจากฝาถึงระนาบ film ได้ 32mm และขนาดของรู ที่เจาะได้ 1mm ก็เอามาเช้าสูตรดังกล่าว จะได f-stop = 32 .... มาถึงการถ่ายรูป การวัดแสงผ่านรูขนาด 1mm คงยากน่าดู เพราะ EV คงต่ำเกินกว่าที่กล้องจะวัดให้ได้ เราก็แก้โดยการสวมเลนซ์ตัวอื่นของเราเข้าไป เช่น 50mm f/1.4 แล้วใช้วัด แสงบริเวณที่เราอยากถ่ายรูปสมมติได้ f/22 shutter speed 8 sec (พยายามวัดแสงกับ f แคบสุดจะได้คำนวณในตอนหลัง ได้ง่าย) ----> ก็เอามาคำนวณใช้กับเลนซ์รูเข็มของเรา( f-stop=32) จาก f/22 ไป f/32 ก็ต้องทดไว้ 1 stop ให้กับ shutter speed กลายเป็น 16sec ..... ทีนี้เราก็สวมเลนซ์รูเข็มถ่ายที่ 16 sec ก็จะได้ภาพแปลกใหม่(ยังไม่มีโอกาสทำเอง แต่ดูรูป ตัวอย่างในหนังสือ phototech จะเป็นภาพเบลอๆ แต่มองรู้เรื่องว่าเป็นภาพอะไร) ลองไปทำเล่นแก้เซ็งดูนะครับ... มีความสุขกับการถ่ายภาพนะครับ...MR_EN


Flash-Ambient Control
Whether using its built-in flash or an attached accessory flash, the Expert Flash system of the 700si is designed to recognize basic lighting conditions and adjust ambient light settings and flash duration to achieve the best results automatically. The table below indicates adjustments made for all situations: